ในวงเวียนประวัติศาสตร์ไทย การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะเทือนสะอนระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และนำมาซึ่งการสถาปนา chế độประชาธิปไตยอย่างจำกัด
หากย้อนกลับไปในยุคนั้น เราจะพบว่าประเทศสยามภายใต้การปกครองของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่จากภายในและภายนอก
- ภายใน: มีการต่อต้านจากกลุ่มขุนนางและชนชั้นสูงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปฏิรูปของพระมหากษัตริย์
- ภายนอก: สยามกำลังเผชิญกับการคุกคามจากจักรวรรดินิยมตะวันตก
ท่ามกลางความวิกฤติเช่นนี้ กลุ่มผู้มีอุดมการณ์เสรีนิยม นำโดย พระยาพหลพลพยุหเสนา (ซึ่งต่อมาได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย) ได้ตัดสินใจก่อการปฏิวัติขึ้น
ภาพ: พระยาพหลพลพยุหเสนา
พระยาพหลพลพยุหเสนา หรือที่รู้จักในชื่อ พันเอกพระยาทิณส meis เป็นบุรุษผู้มากความสามารถและมีวิสัยทัศน์ไกล ท่านได้รับการศึกษาแบบตะวันตก และมีความเข้าใจในหลักการของประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) กลุ่มผู้ปฏิวัติซึ่งมีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นผู้นำได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลเก่า และประกาศจัดตั้ง “คณะราษฎร”
การปฏิวัติครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นล้าหลังและไม่เป็นธรรม
ภายหลังการปฏิวัติ คณะราษฎรได้ออก “รัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยาม” ซึ่งสถาปนา chế độประชาธิปไตยอย่างจำกัด และให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนี้ คณะราษฎรยังริเริ่มการปฏิรูปในหลายด้าน เช่น การศึกษา สาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจ
การปฏิรูปภายหลังการปฏิวัติ | |
---|---|
การศึกษา: ได้มีการจัดตั้งกระทรวงศึกษาธิการ และขยายโอกาสในการศึกษาทั้งระดับประถมและมัธยม | |
สาธารณสุข: ได้มีการก่อตั้งโรงพยาบาล และศูนย์บริการอนามัยชุมชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลทางด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง | |
ระบบเศรษฐกิจ: ได้มีการส่งเสริมการค้าและอุตสาหกรรม เพื่อให้ประเทศสยามมีความเจริญก้าวหน้า และสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ |
การปฏิวัติ พ.ศ. 2475 นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย
การปฏิวัตินี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง การสังคม และเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง และทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่